บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BEM เปิดเผยผลประกอบการ ปี 2561 มีกำไรสุทธิ 5,317 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 2,194 ล้านบาท หรือร้อยละ 70.3 เนื่องจากมีกำไรจากการโอนเปลี่ยนประเภทเงินลงทุน 2,030 ล้านบาท ซึ่งเป็นกำไรที่ไม่ใช่เงินสด ส่วนกำไร จากการดำเนินงานเพิ่มขึ้น 164 ล้านบาท โดยมีปัจจัยสำคัญมาจากรายได้ธุรกิจทางพิเศษที่เพิ่มขึ้น 217 ล้านบาท หรือร้อยละ 2.2 จากการเปิดให้บริการทางเชื่อมทางพิเศษสายศรีรัช-วงแหวนรอบนอกฯ (SOE) กับทางพิเศษศรีรัช (มุ่งหน้าแจ้งวัฒนะ) รายได้ธุรกิจระบบรางเพิ่มขึ้น 215 ล้านบาท หรือร้อยละ 4.8 ซึ่งมีผลมาจากการเชื่อมต่อของโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วงและรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ทำให้มีปริมาณผู้โดยสารเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งรายได้จากธุรกิจพัฒนาเชิงพาณิชย์ เพิ่มขึ้น 30 ล้านบาท หรือร้อยละ 4.4 จากการเพิ่มขึ้นของรายได้พื้นที่ร้านค้าปลีกและรายได้จากการโฆษณาประชาสัมพันธ์

    สำหรับในด้านต้นทุนการให้บริการเพิ่มขึ้น จำนวน 569 ล้านบาท หรือร้อยละ 6.2 จากการเพิ่มขึ้นของค่าซ่อมแซมและบำรุงรักษาตามรอบระยะเวลา รวมถึงการเพิ่มขึ้นของค่าตัดจำหน่ายที่เพิ่มขึ้นตามปริมาณรถและปริมาณผู้โดยสาร ในส่วนค่าใช้จ่ายทางการเงินที่ไม่รวมดอกเบี้ยจ่ายของเงินกู้ยืมระยะยาวเพื่อการลงทุนโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ซึ่งการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย เป็นผู้รับผิดชอบตามข้อกำหนดของสัญญาสัมปทานแล้ว ค่าใช้จ่ายทางการเงินลดลง จำนวน 189 ล้านบาท จากการชำระคืนเงินต้นและการรีไฟแนนซ์เงินกู้ยืมระยะยาวโครงการทางพิเศษ SOE 

    ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทมีมติให้นำเสนอที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2562 เพื่ออนุมัติจ่ายเงินปันผลงวดครึ่งปีหลังของปี 2561 ในอัตราหุ้นละ 0.09 บาท โดยบริษัทได้จ่าย เงินปันผลระหว่างกาลสำหรับงวดครึ่งปีแรกของปี 2561 แล้วในอัตราหุ้นละ 0.06 บาท รวมเป็นเงินปันผลปี 2561 อัตราหุ้นละ 0.15 บาท สำหรับการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2562 จะจัดขึ้นในวันศุกร์ที่ 26 เมษายน 2562 เวลา 14.00 น. ณ ห้องเลอ คองคอร์ด บอลรูม โรงแรมสวิสโฮเต็ล กรุงเทพฯ รัชดาภิเษก